กรมการค้าภายในจัดประชุมเพื่อเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมประชารัฐ
วันที่ 22 เมษายน 2562 ณ ห้องประชุม 20610 กรมการค้าภายใน ( นายบุญรุ้ง สีดำ ) ตัวแทนสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนศรีสะเกษ เข้าร่วมประชุมการเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมระบบและกลไกการตลาดให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญอีกภารกิจหนึ่งของกรมการค้าภายใน ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรในด้านการค้าในประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพและช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันทางการค้าให้ยั่งยืนต่อไป โดยได้การบูรณาการงานของภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน และเกษตรกร ให้ชุมชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยในปีที่ผ่านมากรมการค้าภายในได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ.2561 เพื่อจัดทำ “โครงการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมประชารัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค” ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบการค้าสินค้าเกษตรให้เกษตรกรแบบครบห่วงโซ่ Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในขณะที่ภาคเอกชนหลายภาคส่วน มีโครงการที่จะพัฒนาสนับสนุนเกษตรกรที่พัฒนาการผลิตแบบไม่ใช้สารเคมี เพื่อช่วยกันรักษาระบบนิเวศน์ และเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals
ในการประชุมครั้งนี้ กรมการค้าภายในได้เรียนเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน และภาคประชาชน ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สหพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัด 25 จังหวัด และภาคเอกชนผู้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมประชารัฐ ประกอบด้วย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเดอะเชฟประเทศไทย ผู้ประกอบการด้านอาหาร ได้แก่ บริษัท เอส แอนด์ พี จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ ค้าปลีก-ค้าส่ง Modem Trade ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด บริษัท เอก - ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะลงพื้นที่เชื่อมโยงพบกับพี่น้องเกษตรกร ให้สามารถขยายผลและเกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป โดยสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนทั้ง 25 จังหวัดที่มาร่วมประชุมกว่า 100 คน ได้นำผลิตผลเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ ข้าว ผักใบ ผักสลัด ฟักทอง เมล่อน มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง สัปปะรด ส้มโอ กาแฟ งาดำ งาขาว หอมแดง กระเทียม สินค้าแปรรูป เป็นต้น มาเป็นตัวอย่างเพื่อประกอบการเจรจา โดยบรรยากาศการเจรจาธุรกิจเป็นไปอย่างคึกคัก
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ แต่เป็นการทำงาน "เชิงรุก" เป็นการหารือแนวทางขับเคลื่อนอาหารจากการผลิตวีถึอินทรีย์จากทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองทั้งผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี หากประเทศไทยสามารถสร้างอัตลักษณ์ที่ชัดเจนสำหรับการปรุงอาหารเมนูท้องถิ่นร่วมกับสมาคมภัตตาคาร สมาคมเดอะเชฟ ก็จะเป็นการสร้างรายได้ในแต่ละท้องถิ่น และเป็นการเชื่อมโยงการตลาดสำหรับชุมชนที่ผลิตวิถีอินทรีย์ นอกจากนี้ ท่านยังได้หารือแนวทางการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายผลผลิตอินทรีย์ในห้าง Modern trade ซึ่งท่านอยากเห็นการจัดพื้นที่จัดจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์อย่างเป็นกิจจะลักษณะในรูปแบบของร้านค้าที่อยู่ในห้าง (Orgaic Outlet in Store) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าอินทรีย์ได้ง่ายขึ้น โดยเบื้องต้นได้หารือกับผู้บริหารของ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด แล้ว และต้องการสื่อสารถึงห้างค้าปลึกทุกห้าง ให้มาร่วมกันขับเคลื่อนแนวความคิดนี้ด้วยกัน
เพื่อให้เกิดการนำความเห็นจากที่ประชุมไปขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ที่ประชุมได้มีข้อสรุปที่จะจัดตั้งองค์กรกลางร่วมกัน มีคณะกรรมการบริหารจัดการ ประกอบด้วยอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน และคณะกรรมการบริหาร ซึ่งมาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเดอะเชฟ ประเทศไทย ห้าง Modern Trade สมาคมภัตตาคาร ผู้ประกอบการด้านอาหาร สหพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดต่างๆ รวม 9 ภาค เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดร่วมกัน ผ่านระบบสารสนเทศที่มีข้อมูลความต้องการทั้งด้านฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย และจะกำหนดเครื่องหมายรับรองกลางที่บริหารจัดการดูแลโดยองค์กรกลางข้างต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค มีบทกำหนดโทษกรณีที่ไม่ทำตามข้อตกลงร่วมกันที่กำหนดไว้
// รายงานโดย ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ เลขาธิการ สหพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนแห่งประเทศไทย